ทำไมเว็บไซต์ของคุณถึงไม่ติดหน้าแรก Google? 5 เหตุผลที่คุณอาจไม่เคยรู้
ในยุคที่การแข่งขันบนโลกออนไลน์ดุเดือด เจ้าของธุรกิจหลายคนลงทุน รับทําเว็บไซต์ อย่างสวยงามและดูดี แต่กลับพบว่าเว็บไซต์ของตัวเองไม่มีคนเข้าชมเลยสักคนเดียว และไม่ว่าจะค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดอะไรก็ไม่เคยเห็นเว็บไซต์ตัวเองอยู่บนหน้าแรกของ Google
หากคุณกำลังเจอปัญหานี้อยู่ อย่าเพิ่งท้อใจไป นั่นไม่ได้แปลว่าเว็บไซต์ของคุณไม่มีคุณภาพ แต่อาจมีเหตุผลบางอย่างที่คุณมองข้ามไป บทความนี้จะเจาะลึก 5 เหตุผลหลักที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณไม่ติดหน้าแรก Google และวิธีการแก้ไข เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณได้แจ้งเกิดบนโลกออนไลน์อย่างแท้จริง และเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจของคุณได้อย่างยั่งยืน
1. เว็บไซต์ของคุณยังไม่มีโครงสร้างที่รองรับ SEO
การ ทำเว็บไซต์ ที่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่แค่กับความสวยงาม แต่ต้องมีโครงสร้างที่ทำให้ Google เข้าใจและเก็บข้อมูลได้ง่ายด้วย หากโครงสร้างเว็บไซต์ของคุณซับซ้อนเกินไป, มีโค้ดที่ไม่เป็นระเบียบ หรือไม่มีการตั้งค่าทางเทคนิคที่ถูกต้อง Google Bot ก็จะเก็บข้อมูลไปจัดอันดับได้ยาก
สิ่งที่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด:
Sitemap และ Robots.txt: ตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคุณมีไฟล์ Sitemap.xml ซึ่งเป็นแผนที่ของเว็บไซต์ และไฟล์ Robots.txt ซึ่งเป็นคำสั่งให้ Google Bot ทราบว่าหน้าไหนที่สามารถเข้าไปเก็บข้อมูลได้ หากขาดไฟล์เหล่านี้ Google ก็อาจจะมองข้ามเว็บไซต์ของคุณไป
โครงสร้าง URL: URL ของเว็บไซต์ควรมีความกระชับและมีความหมาย เช่น
www.yourwebsite.com/services/web-design
แทนที่จะเป็นwww.yourwebsite.com/p?id=123
การใช้ URL ที่เข้าใจง่ายจะช่วยให้ Google และผู้ใช้ทราบว่าหน้าเว็บนั้นเกี่ยวกับอะไรเว็บไซต์ของคุณเป็น HTTPS หรือไม่: การเข้ารหัส SSL Certificate เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลเป็นปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับของ Google เว็บไซต์ที่ไม่มี HTTPS จะถูกมองว่าไม่ปลอดภัยและอาจถูกลดอันดับลง
การเชื่อมโยงภายใน (Internal Link): การเชื่อมโยงหน้าเว็บต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบจะช่วยให้ Google เข้าใจความสัมพันธ์ของเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณ และช่วยให้ Google Bot ค้นพบหน้าเว็บใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น
หากคุณต้องการให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับมากขึ้น ควรเลือกใช้ บริการทำเว็บไซต์ ที่ให้ความสำคัญกับโครงสร้างทางเทคนิคและ SEO ตั้งแต่เริ่มต้น
2. เนื้อหาบนเว็บไซต์ไม่มีคุณภาพและไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน
แม้เว็บไซต์ของคุณจะมีโครงสร้างที่ดีเยี่ยม แต่ถ้าเนื้อหาไม่น่าสนใจ, คัดลอกมาจากที่อื่น หรือไม่ตอบคำถามที่ผู้ใช้งานกำลังมองหา ก็ยากที่จะทำให้ Google เห็นว่าเว็บไซต์ของคุณมีคุณค่า
การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและตอบโจทย์:
สร้างเนื้อหาที่เป็นเอกลักษณ์และมีคุณค่า: เขียนเนื้อหาด้วยตัวเอง ไม่คัดลอกมาจากที่อื่น และสร้างเนื้อหาที่มีประโยชน์, น่าเชื่อถือ และเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ การเขียนบทความ SEO ที่ให้ความรู้เชิงลึกจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ผู้เชี่ยวชาญให้กับแบรนด์
การใช้คีย์เวิร์ดอย่างเป็นธรรมชาติ: การใส่คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณในหัวข้อ, ย่อหน้าแรก และในเนื้อหาอย่างเป็นธรรมชาติจะช่วยให้ Google เข้าใจว่าเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวกับอะไร แต่ควรหลีกเลี่ยงการใส่คีย์เวิร์ดมากเกินไป (Keyword Stuffing) เพราะจะทำให้ดูเหมือนสแปม
ตอบคำถามของลูกค้า: เขียนบทความที่ตอบคำถามที่ลูกค้าของคุณมักจะค้นหา เช่น "วิธีเลือกซื้อ...", "ข้อดีของ...", "ทำไมต้อง..." การทำเช่นนี้จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือและดึงดูดผู้ใช้งานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
รูปแบบเนื้อหาที่อ่านง่าย: ใช้หัวข้อ (Headings), หัวข้อย่อย (Subheadings), รายการ (Bullet Points), และรูปภาพประกอบ เพื่อให้เนื้อหาดูน่าอ่านและเข้าใจง่าย
การมีเนื้อหาที่ดีเปรียบเสมือนการเติมเชื้อเพลิงให้เครื่องยนต์ SEO ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และเป็นสิ่งสำคัญที่ บริษัทรับทําเว็บไซต์ ควรให้ความสำคัญ
3. เว็บไซต์ของคุณโหลดช้าเกินไป
ความเร็วของเว็บไซต์เป็นปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อทั้งประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (UX) และการจัดอันดับของ Google หากเว็บไซต์ของคุณใช้เวลาโหลดนานเกิน 3 วินาที ผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะปิดหน้าเว็บและไปหาข้อมูลจากเว็บไซต์อื่นทันที นอกจากนี้ Google ยังใช้ความเร็วของเว็บไซต์เป็นหนึ่งในเกณฑ์ในการจัดอันดับด้วย
สาเหตุที่ทำให้เว็บไซต์โหลดช้าและวิธีการแก้ไข:
รูปภาพที่มีขนาดใหญ่เกินไป: รูปภาพที่มีความละเอียดสูงแต่ไม่ได้ถูกบีบอัดจะทำให้เว็บไซต์โหลดช้า ควรบีบอัดรูปภาพให้มีขนาดเหมาะสมก่อนอัปโหลด หรือใช้โปรแกรมอัตโนมัติในการบีบอัดรูปภาพ
โค้ดที่ซับซ้อนและไม่ได้ถูกปรับแต่ง: โค้ดที่ไม่มีประสิทธิภาพจะทำให้เว็บไซต์ทำงานได้ช้าลง การใช้โค้ดที่สะอาดและกระชับจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณโหลดได้เร็วขึ้น
โฮสติ้งที่ไม่มีคุณภาพ: การเลือกผู้ให้บริการโฮสติ้งที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับเว็บไซต์ของคุณจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณทำงานได้รวดเร็วขึ้น การลงทุนในโฮสติ้งที่ดีจึงเป็นสิ่งที่คุ้มค่า
การใช้ Script หรือ Plugin มากเกินไป: การติดตั้ง Plugin หรือ Script จำนวนมากเกินไปจะทำให้เว็บไซต์ทำงานได้ช้าลง ควรเลือกใช้ Plugin ที่จำเป็นเท่านั้น
หากคุณพบว่าเว็บไซต์ของคุณโหลดช้า ควรปรึกษา ผู้ให้บริการทำเว็บไซต์ เพื่อให้พวกเขาตรวจสอบและแก้ไขปัญหาด้านเทคนิคอย่างเร่งด่วน
4. เว็บไซต์ของคุณยังไม่รองรับการแสดงผลบนมือถือ (Mobile-Friendly)
ทุกวันนี้ผู้ใช้งานส่วนใหญ่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านสมาร์ทโฟน Google จึงให้ความสำคัญกับการแสดงผลบนมือถือเป็นอย่างมาก หากเว็บไซต์ของคุณไม่สามารถแสดงผลบนหน้าจอมือถือได้อย่างเหมาะสม, ตัวอักษรเล็กเกินไป หรือปุ่มต่างๆ กดใช้งานได้ยาก Google ก็จะจัดอันดับให้เว็บไซต์ของคุณต่ำกว่าคู่แข่งที่รองรับการใช้งานบนมือถือ
การตรวจสอบและปรับปรุง:
ใช้เครื่องมือ Mobile-Friendly Test ของ Google: เพียงแค่ใส่ URL เว็บไซต์ของคุณเข้าไป เครื่องมือนี้จะบอกว่าเว็บไซต์ของคุณรองรับการแสดงผลบนมือถือหรือไม่
ทดสอบด้วยตัวเอง: ลองเข้าเว็บไซต์ของคุณด้วยโทรศัพท์มือถือหลายๆ รุ่น เพื่อดูว่าหน้าตาและปุ่มต่างๆ สามารถใช้งานได้สะดวกหรือไม่
ใช้ Responsive Design: การ ออกแบบเว็บไซต์ ให้เป็น Responsive จะทำให้เว็บไซต์สามารถปรับขนาดหน้าจอให้เข้ากับอุปกรณ์ที่ใช้งานได้โดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์, แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน
การ สร้างเว็บไซต์ ในปัจจุบันจึงควรใช้แนวคิด Mobile-First โดยออกแบบเว็บไซต์ให้ใช้งานได้ดีบนมือถือก่อนเป็นอันดับแรกเสมอ
5. เว็บไซต์ของคุณขาด Backlinks ที่มีคุณภาพ
Backlinks คือการที่เว็บไซต์อื่นเชื่อมโยง (Link) มายังเว็บไซต์ของคุณ Backlinks ที่มาจากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงเปรียบเสมือนการลงคะแนนเสียงให้กับเว็บไซต์ของคุณ บอกให้ Google รู้ว่าเว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพและเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ยิ่งเว็บไซต์ของคุณมี Backlinks ที่มีคุณภาพมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะติดอันดับบนหน้าแรกของ Google ก็ยิ่งสูงขึ้น
วิธีการสร้าง Backlinks ที่มีคุณภาพ:
สร้างเนื้อหาที่มีประโยชน์และเป็นที่ต้องการ: หากเนื้อหาของคุณมีคุณภาพมากพอ เว็บไซต์อื่นๆ ก็จะอยากลิงก์มายังเว็บไซต์ของคุณเอง
เขียนบทความ Guest Post: เสนอเขียนบทความให้กับบล็อกหรือเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ และใส่ลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ของคุณ
โปรโมทเนื้อหาของคุณ: แชร์บทความของคุณบนโซเชียลมีเดีย หรือส่งอีเมลไปยังผู้ที่มีอิทธิพลในวงการ เพื่อให้พวกเขารับรู้และอาจจะแชร์หรือลิงก์กลับมา
สร้าง Profile Backlinks: สร้างโปรไฟล์บน Directory ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
Powered by Froala Editor